1. เช็ดตัว
2. ให้ยาลดไข้ ถ้าจำเป็นควรให้ยากันชักตามที่แพทย์สั่ง
3. ดื่มน้ำมากๆ
4. ไม่ควรห่มผ้าที่หนาเกินไป
5. อยู่ในห้องที่อากาศถ่ายเทสะดวกไม่อับหรือร้อนเกินไป
6. นอนพัก
การเช็ดตัว
เมื่อรู้สึกไข้สูงหรือหลังจากวัดปรอทพบว่ามีไข้ 38°c ขึ้นไป ควรเช็ดตัวให้ด้วยน้ำอุ่นถ้ารู้สึกหนาว ควรถอดเสื้อผ้าออกให้หมดถ้าเป็นเด็กเล็ก วิธีเช็ดตัวนั้นให้ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ ถูตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช็ดค่อนข้างแรงเพื่อให้เส้นเลือดบริเวณนั้นขยาย มีเลือดมาเลี้ยงมากขึ้น จะช่วยให้ความร้อนระเหยออกจากร่างกายได้ดี ตามบริเวณข้อพับ ขาหนีบ รักแร้ หน้าผากควรใช้ผ้าชุบน้ำบอดหมาดๆ วางประคบไว้ เมื่อรู้สึกว่าผ้าร้อน ควรชุบน้ำให้หมาดๆ วางประคบใหม่ ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนน้ำที่นำมาเช็ดตัวรู้สึกร้อน ห้องที่เช็ดตัว ไม่ควรมีลมโกรกมากเกิน และควรปิดพัดลมก่อนเพื่อมิให้คนไข้หนาวสั่นระหว่างเช็ดตัว เมื่อเสร็จควรซับตามตัวให้แห้งแล้วใส่เสื้อผ้าให้ ถ้าคนไข้รู้สึกหนาว ห่มผ้าให้ได้อีกเนื่องจากความร้อนในร่างกายไม่มีทางระบายออกสู่ภายนอก หรือระบายได้แต่ไม่ดี ภายหลังเช็ดตัวแล้ว 20 นาที ให้วัดปรอทอีกครั้ง ถ้าไข้ยังสูงอีกก็ควรเช็ดตัวอีกครั้งจนรู้สึกดีขึ้น
ยาลดไข้
ก็เป็นสิ่งจำเป็นทุกครั้ง เมื่อมีไข้ตั้งแต่ 38°c ขึ้นไปควรรับประทานยาลดไข้ตามขนาด และตามเวลาที่แพทย์สั่ง ยาลดไข้มักจะเป็นยาประเภทลดไข้แก้ปวดไปด้วย ที่รู้จักกันดีก็คือ แอสไพริน,พาราเซตามอล, เอ.พี.ซี. ฯลฯ ถ้าเป็นของเด็กเล็กที่กลืนยาเม็ดไม่ได้จะมีชนิดน้ำเชื่อม สำหรับเด็ก
ดื่มน้ำ
ให้ดื่มน้ำมากๆ น้ำที่ว่านี้นอกจากจะเป็นน้ำดื่ม เครื่องดื่มแล้ว อาหารก็ควรจะมีน้ำอยู่มาก เช่น ข้าวต้ม หรือ โจ๊ก เพื่อให้น้ำขับความร้อนออกทางปัสสาวะ จะสังเกตได้เวลามีไข้ปัสสาวะที่ออกมาจะร้อนมาก ถ้าปัสสาวะที่ออกมาสีเหลืองเหมือนน้ำชา และปริมาณน้อยแสดงว่าร่างกายขาดน้ำ ฉะนั้นควรได้น้ำเข้าไปให้เพียงพอ (ประมาณ 2-3 ขวดต่อวันหรือกินให้มากพอจนกระทั่งปัสสาวะบ่อย สีใสขึ้น) สำหรับน้ำดื่มจะจำกัดในคนไข้ที่มีอาการบวมเพราะจะทำให้บวมเพิ่มขึ้น
เสื้อผ้า ผ้าห่ม
คนไข้ที่มีไข้สูงๆ ส่วนมากจะมีอาการหนาวสั่นด้วย และพ่อแม่จะหาผ้าห่มมาให้ห่ม หาเสื้อผ้าที่หนาๆ แขนยาวมาให้ใส่กันหนาว การที่ทำเช่นนี้ผิดอย่างมากเพราะจะทำให้ไข้สูงยิ่งขึ้น ดังที่ได้กล่าวไว้แล้ว ฉะนั้นเสื้อผ้าควรใส่ชนิดธรรมดาตามฤดูกาล ผ้าห่มควรเป็นผ้าที่เบาบาง อากาศถ่ายเทได้ เช่น ผ้าแพร เป็นต้น
บรรยากาศโดยรอบ
ห้องที่คนไข้อยู่ ไม่ควรมีลมโกรกมากและไม่อับและร้อนเกินไป ควรเป็นห้องที่อากาศถ่ายเทสะดวก พัดลมอาจเปิดได้แต่ควรส่ายไปมา เพื่อไม่ให้ถูกตัวคนไข้มากนัก เพราะจะทำให้มีอาการหนาวสั่นได้ พักผ่อน ควรให้นอนพัก การนอนพัก หมายถึง การลดการออกกำลังกายของร่างกาย เพื่อลดระบบการเผาผลาญอาหารในร่างกายไปด้วย เมื่อการเผาผลาญอาหารน้อย ความร้อนก็จะไม่สูง
การวัดไข้
ควรวัดไข้ทุก 4 ชั่วโมง จดความร้อนที่วัดได้ทุกครั้ง เพื่อรู้อาการเปลี่ยนแปลง ส่วนมากในช่วงบ่ายไข้จะสูงกว่าเวลาเช้า ค่าปกติของอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 37°c หรือ 98.6°f อุณหภูมิที่ถือว่ามีไข้ต่ำๆ คือ อุณหภูมิระหว่าง 37.5-37.9°c อุณหภูมิที่ถือว่าไข้สูงตั้งแต่ 38.5°c ขึ้นไป บางรายอาจเป็น 40 - 41°c
2 comments:
มีโปรโมชั่น ค่ารักษาพยาบาล ในโรงพยาบาลชั้นนำทั่วประเทศ
แอน 089-5212496
ของคุณมากครับ
แสดงความคิดเห็น