พัฒนาการเด็ก: เมื่อลูกลิ้นเป็นฝ้า รักษาอย่างไรให้ถูกวิธี คู่มือเลี้ยงลูก หนังสือเสริมพัฒนาการ ของเล่นเสริมพัฒนาการ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารเด็ก เด็กสองภาษา ดนตรีเพื่อลูกรัก นิสัยการนอน ฟันน้ำนมซี่แรก ภาษาลูกน้อย หน้าที่ของบิดามารดา เลี้ยงลูกให้ฉลาด เสริมสร้างความภูมิใจให้ลูก คู่มือเลี้ยงเด็ก



พัฒนาการเด็ก
ยินดีต้อนรับสู่ แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับลูกน้อย
พัฒนาการลูกรัก ♥ ช้าไม่ได้ อ่านเลยนะคะ
ถ้าเห็นว่าเว็บไซต์นี้ดีมีประโยชน์ โปรดช่วยบอกต่อ

เมื่อลูกลิ้นเป็นฝ้า รักษาอย่างไรให้ถูกวิธี

ปัญหาที่พ่อแม่ควรรู้
       ปัญหา "ลิ้นเป็นฝ้า" เชื่อว่าคุณพ่อ คุณแม่ที่มีลูกเล็กหลายคน คงต้องเจอปัญหานี้กันมาบ้างแล้ว เพราะเป็นสิ่งที่พบในเด็กเกือบทุกคน ซึ่งเกิดจากคราบน้ำนมที่เกาะเป็นคราบอยู่บริเวณโคน หรือปลายลิ้น ทำให้หลายบ้านต่างกังวลใจ      
       นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงลิ้นเป็นฝ้าที่เกิดจากเชื้อรา ทำให้คุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องซื้อยามาป้ายลิ้นให้ลูก แต่กลับหารู้ไม่ว่า ยาบางชนิดอาจมีสารตะกั่วเจือปนอยู่ก็เป็นได้ ดังนั้นจึงต้องรู้หลัก และวิธีการเลือกซื้อยาป้ายลิ้น ก่อนที่ลูกจะได้สารตะกั่วเข้าสู่ร่างกาย จนเกิดอันตรายกับตัวเด็กได้      
       "นพ.ถิรชัย ตันสันติวงศ์" กุมารแพทย์ โรงพยาบาลบีเอ็นเอช" ได้ให้ความรู้ว่า การที่ลิ้นของทารกเป็นฝ้านั้น เกิดจากน้ำนมที่เกาะเป็นคราบ ซึ่งไม่เพียงแต่คราบที่ลิ้นเท่านั้น อาจเกาะติดอยู่ที่เพดานปาก และกระพุ้งแก้มด้วย ซึ่งเด็กทารกส่วนมากที่มีปัญหาลิ้นเป็นฝ้า เป็นเพราะคุณแม่ให้กินนมชง และหลังจากกินนมเสร็จ คุณแม่ไม่ได้ให้ลูกดื่มน้ำตาม      
       ซึ่งเหตุผลที่คุณแม่ไม่ได้ให้น้ำลูกนั้น อาจเป็นเพราะลูกกินนมจนอิ่ม จึงไม่อยากกินน้ำ หรือเป็นเพราะคุณแม่ปล่อยให้ลูกดูดนมจนหลับคาขวดนม โดยสาเหตุหลังนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ลิ้นเป็นฝ้าเท่านั้น แต่ยังทำให้ลูกมีอาการปวดท้อง ท้องอืดได้อีกด้วย เพราะดูดลมเข้าไปในท้อง และคุณแม่ไม่ได้อุ้มให้เรอ สำหรับเด็กคนไหนที่กินนมแม่ ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีปัญหาในเรื่องนี้เท่าที่ควร เพราะนมแม่มีความเข้มข้นน้อยกว่านมชง จึงไม่ค่อยมีคราบน้ำนมตกค้าง ถึงแม้ว่าจะไม่ให้ลูกกินน้ำหลังกินนมก็ตาม
       รักษา-ใช้ยาอย่างไรให้ถูกวิธี      
       อย่างไรก็ดี อาการลิ้นเป็นฝ้าที่เกิดจากคราบน้ำนม คุณหมอแนะว่า หากคุณแม่คอยดูแลทำความสะอาด โดยหลังกินนมเสร็จให้กินน้ำตามทุกครั้ง และใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดลิ้น เหงือก และ กระพุ้งแก้ม เพียงเท่านี้ปัญหาลิ้นเป็นฝ้าก็จะไม่มากวนใจลูกอีก      
       แต่สำหรับกรณีที่ลิ้นเป็นฝ้าที่เกิดจากเชื้อรานั้น เป็นเพราะหลังกินนมเสร็จ คุณแม่ไม่ได้ให้ลูกกินน้ำตามและไม่ได้เช็ดทำความสะอาดให้ลูก คราบน้ำนมที่ตกค้างจึงกลายเป็นอาหารอันโอชะของเชื้อรา ทำให้คราบน้ำนมฝังแน่นจนไม่สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ นอกจากนี้อาการลิ้นเป็นฝ้าที่เกิดจากเชื้อรายังทำให้ลูกมีอาการเจ็บลิ้น ดูดนมไม่ได้ เมื่อลูกหิวแล้วดูดนมไม่ได้ ก็จะทำให้เจ้าตัวเล็กหงุดหงิดงอแงได้      
สำหรับยาป้ายลิ้นที่นิยมใช้กัน คุณหมออธิบายว่า มีอยู่ 2 ชนิดคือ Gentian violet และ Daktarin Oral Gelซึ่งมีวิธีใช้ที่ถูกต้องดังนี้      
1. คุณแม่ต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนที่จะป้ายยาให้ลูก
2. ใช้ผ้าก๊อซหรือผ้าสะอาดชุบน้ำอุ่นพอหมาดๆ เช็ดเบาๆ ให้ทั่วทั้งปากตั้งแต่โคนลิ้นไปจนถึงปลายลิ้น ทั้งด้านบนและด้านล่าง รวมไปถึงกระพุ้งแก้ม และเพดานปาก
3. ใช้สำลีพันปลายไม้หรือใช้คอตตอนบัดชุบน้ำยาพอประมาณ ป้ายให้ทั่วจากโคนลิ้นไปจนถึงปลายลิ้น รวมทั้งกระพุ้งแก้มและเพดานปากบริเวณที่เป็นฝ้า โดยป้ายวันละ 2 ครั้ง เช้า เย็น จนกว่าคราบขาวนั้นจะหายไป
หมายเหตุ หลังจากคราบขาวหายไปจนหมดแล้ว คุณแม่ต้องหมั่นเช็ดทำความะอาดลิ้นให้ลูก และให้กินน้ำตามหลังกินนมเสร็จทุกครั้ง เพียงเท่านี้ อาการลิ้นเป็นฝ้า ก็จะไม่เกิดกับลูกสุดที่รักอีกต่อไป      
       อาการลิ้นเป็นฝ้าในเด็กแม้จะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่หากไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้อง ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อพัฒนาการด้านต่างๆ ของลูกได้ เช่น พัฒนาการด้านการเจริญเติบโตของร่างกาย เพราะเมื่อลูกเจ็บลิ้น ก็จะไม่ยอมดูดนม ร่างกายก็จะไม่ได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต เมื่อลูกหิวก็จะทำให้หงุดหงิดงอแง ไม่สนใจที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทำให้อารมณ์ของลูกพัฒนาไปในทางลบได้

ขอขอบคุณ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ

เรียบเรียงโดย ทีมงานพัฒนาการเด็ก
URL : http://www.พัฒนาการเด็ก.com/2013/04/white-tongue.html

5 comments:

จันทิมา กล่าวว่า...

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ค่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ค่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณมากๆค่ะกำลังมัปัญหาเรื่องนนี้อยู่พอดี

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุนมากๆข๊ะไม่ได้ใส่ใจเรยเพราะฝากย่าเลี้ยงส่วนใหญ่จะอยู่กับย่า

Unknown on 30 กันยายน 2559 เวลา 04:15 กล่าวว่า...

��������������������������

แสดงความคิดเห็น

 

Copyright © 2011 - 2016 พัฒนาการเด็ก ส่งเสริมพัฒนาการเด็ก เลี้ยงลูกรักให้มีความสุขสมวัย