โดย: ก้านแก้ว
ถ้าพบว่าลูกวัยเบบี้มีฝ้าขาวในปาก ทำความสะอาดแล้ว ฝ้าขาวยังไม่หมดไป แสดงว่าลูกอาจติดเชื้อราในช่องปาก ต้องพาไปพบแพทย์เพื่อรักษาค่ะ
เชื้อราที่เกิดในช่องปากทารก เป็นเชื้อราที่ชื่อว่า Candida albicans (แคนดิดา อัลบิแคนส์) ส่วนใหญ่เด็กทารกในช่วงภายใน 3 -4 สัปดาห์หลังคลอด อาจมีฝ้าขาวในปาก ที่เกิดจากการติดเชื้อราที่ติดจากคุณแม่โดยตรงจากช่องคลอด ตอนที่หนู ๆ เกิดนั่นเองค่ะ ซึ่งเชื้อราชนิดนี้เป็นหนึ่งในสมดุลทางธรรมชาติในร่างกาย ที่มีในปริมาณที่ไม่มากเกินไปค่ะ
ดังนั้นการมีเชื้อราในร่างกายไม่ได้หมายความว่าลูกกำลังป่วยเสมอไปนะคะ
โดยเฉพาะในทารกอายุ 3 -4 สัปดาห์ เชื้อราซึ่งเป็นสมดุลทางธรรมชาติ ไม่ได้ก่อให้เกิดโรคใด ๆ ค่ะ แต่ถ้าพบว่ามีเชื้อราในปริมาณมาก จนช่องปากลูกมีฝ้าขาวหนา และดูดนมลดลงล่ะก็ แสดงว่าเป็นปัญหาแล้วค่ะ
ส่วนสาเหตุอื่น ๆ เช่น หยิบของสกปรกเข้าปาก หรืออยู่เนอสเซอร์รีเดียวกันกับเด็กที่ติดเชื้อ แล้วต้องใช้ของเล่นร่วมกัน อัตราการติดเชื้อจากเด็กสู่เด็กอีกคน ก็แทบจะไม่พบค่ะ ถ้าหมั่นเคร่งครัดเรื่องการทำความสะอาดหัวนม ( กรณีทานนมแม่) ขวดนม ของเล่น และลูกของเราแข็งแรงดี ยกเว้นกรณีที่ลูกมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ก็อาจรับเชื้อโรคได้ง่าย หรือกรณีลูกได้รับยาปฏิชีวนะซึ่งจะส่งผลกระทบกับสมดุลทางธรรมชาติ ทำให้ปริมาณเชื้อรามากเกินไป และก่อให้เกิดโรคได้เช่นกัน เด็กอายุมากกว่า 6 เดือน ที่มีเชื้อราในช่องปาก ควรได้รับการตรวจค้นหาสาเหตุค่ะ
สังเกตอาการและรักษาเบื้องต้น
เด็กจะมีฝ้าขาวในปาก บางคนที่เป็นมากฝ้าขาว จะเป็นแผ่นหนาทำให้ลูกรู้สึกเจ็บ ร้องงอแง ไม่ยอมกินนม จนน้ำหนักลดก็มีค่ะ
ถ้าคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าลูกเพิ่งเริ่มมีฝ้าขาว ๆ อาจลองให้ดูดน้ำสุก หรือสามารถใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำอุ่นที่สะอาด เช็ดเบา ๆ ทำความสะอาดได้ ฝ้าเหล่านั้นก็จะหายไปได้ ซึ่งลักษณะนี้ ถือว่าไม่ได้เป็นอันตรายต่อเด็ก แต่ถ้าเช็ดแล้ว ฝ้าขาวยังไม่หมดไป ต้องพาไปพบแพทย์แล้วค่ะ
ดูแลสุขภาพช่องปากให้เบบี้
คุณแม่ควรดูแลทำความสะอาดช่องปากเจ้าตัวเล็กเป็นประจำค่ะ โดยเฉพาะเด็กที่กินนมผสม หลังกินนมผสม ควรดื่มน้ำสุกสะอาดตามทุกมื้อ หรือร่วมกับใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำอุ่นที่สะอาดเช็ดในช่องปากหลังกินนม
แต่ถ้ากินนมแม่ ปัญหาเรื่องเชื้อราจะพบน้อยมาก เพราะในนมแม่มีภูมิต้านทานที่ช่วยกำจัดเชื้อรา คุณแม่เพียงแค่ดูแลทำความสะอาดในช่องปากให้ลูกวันละ 1–2 ครั้งก็เพียงพอค่ะ แต่ถ้าไม่ได้ทำความสะอาดช่องปากเลย เชื้อราอาจจะสะสมจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้นะคะ
ป้องกันไว้...ก่อนเชื้อราถามหา
1. ทำความสะอาดช่องปากลูกเป็นประจำ
2. ล้างมือ และ ทำความสะอาดของเล่นอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันเชื้อโรค
3. ถ้าทำความสะอาดช่องปากแล้ว แต่ลูกยังเป็นเชื้อราอยู่ ควรพาไปพบแพทย์ค่ะ
อย่างนี้ต้องพบแพทย์
ถ้าพบว่าฝ้าขาวในช่องปากลูกมีปริมาณมาก เป็นทั้งที่ลิ้นและกระพุ้งแก้ม หรือเช็ดทำความสะอาดแล้วแต่ยังไม่หาย ควรพาลูกไปพบแพทย์ทันทีค่ะ แพทย์จะให้ยาทา เป็นยาฆ่าเชื้อรา เฉพาะที่ซึ่งมีทั้งแบบน้ำและแบบเจล ส่วนใหญ่ใช้ทาประมาณ 1 อาทิตย์หรือจนกว่าฝ้าขาวจะหายหมดไปค่ะ และต้องดูแลทำความสะอาดช่องปากลูกให้ดี เพราะถ้าทายาแล้ว แต่ไม่ได้ทำความสะอาดช่องปาก ลูกก็จะกลับมาเป็นเชื้อราได้อีกค่ะ แต่ถ้าทายาแล้ว 2-3 วันไม่ดีขึ้นหรือลูกมีอาการแทรกซ้อนอื่น เช่น ดูดนมไม่ได้ มีไข้ ควรพาไปพบแพทย์อีกครั้ง เพราะลูกอาจจะติดเชื้ออย่างอื่น เช่นไวรัสเริม หรือมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย
เชื้อราในปากนำไปสู่โรคอื่นได้ไหม
ถ้าเป็นเด็กที่แข็งแรงปกติ ก็จะไม่ทำให้เกิดโรคอื่น ๆ ค่ะ แต่ถ้ามีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ต้องอยู่โรงพยาบาลนาน ๆ หรือมีการใส่สายสวน เช่น เด็กที่อยู่โรงพยาบาลต้องมีการใส่สายให้อาหารทางเส้นเลือด หรือสายปัสสาวะ เด็กกลุ่มนี้อาจจะมีเชื้อราเข้าสู่กระแสเลือด และนำไปสู่การเกิดโรคอื่นๆ ทั่วร่างกาย แต่พบได้น้อยค่ะ ซึ่งในกรณีนี้ แพทย์จะให้ยาฆ่าเชื้อราในรูปแบบยากินหรือยาฉีดค่ะ
หมั่นดูแลรักษาความสะอาดช่องปากของลูกน้อยเป็นประจำ จะช่วยป้องกันการติดเชื้อราในปากลูกได้ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
เรียบเรียงโดย ทีมงานพัฒนาการเด็ก
0 comments:
แสดงความคิดเห็น